ภัยพิบัติทางทะเล
ภัยพิบัติทางทะเล คือปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือสิ่งที่เกิดจากมนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล รวมถึงชีวิตมนุษย์และทรัพย์สินอย่างรุนแรง ภัยเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและมักเกิดโดยไม่คาดคิด สร้างความเสียหายมหาศาลให้กับชุมชนชายฝั่ง อุตสาหกรรมประมง การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมโดยรวม
ประเภทของภัยพิบัติทางทะเล
-
สึนามิ (Tsunami)
-
พายุไซโคลนและพายุโซนร้อน
-
น้ำทะเลหนุนสูง (Storm Surge)
-
ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา
ผลกระทบจากภัยพิบัติทางทะเล
-
ชีวิตและทรัพย์สิน
-
เศรษฐกิจท้องถิ่น
-
สิ่งแวดล้อม
-
สาธารณสุข
การป้องกันภัยพิบัติทางทะเล
-
ติดตามข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา
-
สร้างระบบเตือนภัย
-
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อมรับมือ
-
อนุรักษ์ป่าชายเลนและแนวปะการัง
เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ (10 เหตุการณ์แบบละเอียด)
สึนามิอินเดียนโอเชียน 2004

เกิดจากแผ่นดินไหวขนาด 9.1–9.3 ริกเตอร์นอกชายฝั่งสุมาตรา อินโดนีเซีย ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิที่พัดถล่มประเทศต่างๆ กว่า 14 ประเทศ คร่าชีวิตมากกว่า 230,000 คน รวมถึงในประเทศไทย บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต ระนอง และกระบี่ เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนให้หลายประเทศตื่นตัวเรื่องระบบเตือนภัยสึนามิและมาตรการรับมือภัยพิบัติทางทะเล
MS Estonia (1994)

เรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่จมลงในทะเลบอลติกระหว่างเดินทางจากเอสโตเนียไปยังสวีเดน โดยเกิดพายุลมแรงที่ทำให้ระบบเปิดปิดด้านหน้าของเรือล้มเหลว น้ำทะลักเข้าเรืออย่างรวดเร็ว คร่าชีวิตผู้โดยสารกว่า 850 คนจากทั้งหมด 989 คน เหตุการณ์นี้นำไปสู่การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของเรือโดยสารในยุโรป
MV Doña Paz (1987)

โศกนาฏกรรมเรือเฟอร์รี่ครั้งใหญ่ในฟิลิปปินส์ เรือเฟอร์รี่ชนกับเรือบรรทุกน้ำมัน MT Vector ทำให้เกิดการระเบิดและเพลิงไหม้อย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,000 คน ถือเป็นอุบัติเหตุทางเรือที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สาเหตุหลักคือการบรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนดและไม่มีการจัดการด้านความปลอดภัยอย่างเหมาะสม
Ixtoc I (1979)

แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลในอ่าวเม็กซิโกของบริษัท Pemex ระเบิดและเกิดการรั่วไหลของน้ำมันมากกว่า 3 ล้านบาร์เรลตลอดระยะเวลา 9 เดือน ส่งผลกระทบต่อชายฝั่งเม็กซิโกและเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เป็นอุบัติเหตุน้ำมันรั่วที่ใหญ่ที่สุดก่อนเหตุการณ์ Deepwater Horizon
Amoco Cadiz (1978)

เรือบรรทุกน้ำมันลำใหญ่จากอเมริกาเกยตื้นและแตกที่ชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ทำให้น้ำมันรั่วกว่า 220,000 ตัน ปนเปื้อนทะเลและชายฝั่งยาวกว่า 200 กิโลเมตร เหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันทางทะเลให้รัดกุมยิ่งขึ้น
MV Rena (2011)

เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติลิเบียชนแนวปะการัง Astrolabe Reef ใกล้เมืองท่า Tauranga ประเทศนิวซีแลนด์ น้ำมันรั่วกว่า 200 ตันลงสู่ทะเล ทำลายสิ่งแวดล้อมชายฝั่งและแนวปะการังอย่างรุนแรง เป็นเหตุการณ์น้ำมันรั่วร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์นิวซีแลนด์
Torrey Canyon (1967)

เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ชนแนวหินนอกชายฝั่งคอร์นวอลล์ สหราชอาณาจักร รั่วไหลน้ำมันกว่า 94 ล้านลิตร ทำให้รัฐบาลต้องส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดเพื่อทำลายเรือและลดการรั่วไหล ปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดมาตรฐานใหม่เกี่ยวกับเรือบรรทุกน้ำมันในระดับสากล
SS Wafra (1971)

เรือบรรทุกน้ำมันชนชายฝั่งของแอฟริกาใต้ เกิดน้ำมันรั่วประมาณ 26,000 ตัน ปนเปื้อนแนวชายฝั่งเป็นระยะทางยาวกว่า 20 กิโลเมตร กองทัพต้องระเบิดเรือทิ้งกลางทะเลเพื่อหยุดการแพร่กระจายของน้ำมัน
Irene’s Serenade (1980)

เรือถังน้ำมันเกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่อ่าว Navarino ประเทศกรีซ ทำให้น้ำมันรั่วกว่า 100,000 ตันลงสู่ทะเล และเกิดไฟไหม้ ทำลายเรือและสิ่งแวดล้อมชายฝั่ง เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการควบคุมความปลอดภัยขณะเทียบท่าและบรรทุกเชื้อเพลิง
Al-Salam Boccaccio 98 (2006)

เรือเฟอร์รี่สัญชาติอียิปต์ล่มในทะเลแดงระหว่างเดินทางจากซาอุดีอาระเบียไปยังอียิปต์ มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,000 คน สาเหตุเกิดจากไฟไหม้ในห้องเครื่องยนต์และการบริหารจัดการที่ผิดพลาด การช่วยเหลือผู้โดยสารล่าช้า ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอียิปต์อย่างกว้างขวาง